ในปี 2025 การ “ยิงแอด” ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของธุรกิจออนไลน์ แต่ทำไมหลายคนยิงแล้ว “เจ๊ง” ในขณะที่บางคนยิงแล้ว “รวย”? คำตอบไม่ได้อยู่ที่งบประมาณ แต่อยู่ที่ “ความเข้าใจในอัลกอริทึมใหม่ของ Meta”
ลืมเทคนิคเก่าๆ ของปีที่แล้วไปได้เลยครับ เพราะปีนี้ Meta ได้อัปเกรดระบบ AI (Advantage+) ให้ฉลาดขึ้นจนน่าตกใจ การยิงแอดแบบเดิมๆ ที่เน้นแค่การใส่ความสนใจ (Interest) ยิบย่อยอาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
บทความนี้ MSKMedia จะพาคุณไปเจาะลึก วิธียิง Ads Facebook ฉบับปี 2025 ที่เน้นผลลัพธ์จริง สอนตั้งแต่การตั้งค่าพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคปิดการขายที่เอเจนซี่ชั้นนำใช้ รับรองว่าอ่านจบ คุณจะสามารถยิงแอดได้แม่นยำขึ้น คุ้มค่าเงินทุกบาทที่จ่ายไปแน่นอน
ทำไมคุณถึงวางใจในข้อมูลของเราได้
ที่ MSKMedia เราไม่ได้แค่นั่งเขียนบทความ แต่เราคือทีมงานที่บริหารงบประมาณโฆษณาจริงกว่าหลักแสนบาทต่อเดือนให้กับลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรม เราทดสอบฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Meta ก่อนใคร เห็นทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จในสนามจริง บทความนี้จึงกลั่นกรองมาจาก “Data” และ “ประสบการณ์ตรง” ที่เราใช้ปั้นยอดขายให้ลูกค้าจริงๆ ไม่ใช่ทฤษฎีในตำรา
1. เข้าใจโครงสร้าง: Facebook Ads ทำงานอย่างไร?
ก่อนจะไปกดปุ่มสร้างโฆษณา คุณต้องเข้าใจโครงสร้าง 3 ระดับนี้ให้แม่น เพราะนี่คือกระดูกสันหลังของความสำเร็จ:
- Campaign (แคมเปญ): คือ “เป้าหมาย” (คุณอยากได้อะไร? ยอดขาย, คนทักแชท, หรือแค่คนเห็น?)
- Ad Set (ชุดโฆษณา): คือ “กลุ่มเป้าหมาย” (คุณจะยิงไปหาใคร? ที่ไหน? งบเท่าไหร่?)
- Ad (โฆษณา): คือ “สิ่งที่จะโชว์” (รูปภาพ, วิดีโอ, แคปชั่นที่ลูกค้าเห็น)
2. เริ่มต้นยิงแอด: 6 ขั้นตอน Step-by-Step (อัปเดต 2025)
ขั้นตอนที่ 1: เลือกวัตถุประสงค์ (Objective) ให้ตรงจุด
ปี 2025 Meta ยุบรวมวัตถุประสงค์ให้เหลือ 6 ข้อหลักๆ การเลือกผิดตั้งแต่ข้อนี้ คือหายนะของงบประมาณครับ
| วัตถุประสงค์ (Objective) | เหมาะสำหรับ (Best For) | ตัวอย่างการใช้งาน |
| Awareness (การรับรู้) | แบรนด์ใหม่, สินค้าใหม่ | ยิงให้คนเห็นโลโก้ จำชื่อแบรนด์ได้ (ไม่เน้นขาย) |
| Traffic (จำนวนผู้เข้าชม) | เว็บไซต์ข่าว, บล็อก | ดึงคนคลิกเข้าไปอ่านบทความในเว็บ |
| Engagement (การมีส่วนร่วม) | พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ (ยอดฮิต) | ต้องการให้คนทักแชท (Inbox), กดไลก์, คอมเมนต์ |
| Leads (ข้อมูลลูกค้า) | อสังหาฯ, รถยนต์, คอร์สเรียน | ให้ลูกค้ากรอกฟอร์มขอใบเสนอราคา (Lead Form) |
| App Promotion | เจ้าของแอปพลิเคชัน | กระตุ้นให้คนโหลดแอปฯ |
| Sales (ยอดขาย) | E-commerce (เทพสุด) | ยิงหาคนซื้อจริง บนเว็บที่มีตะกร้าสินค้า (Conversion) |
คำแนะนำจากเรา: ถ้าคุณขายของผ่านแชท ให้เลือก Engagement (แล้วเลือก Messaging Apps) แต่ถ้าคุณมีเว็บไซต์ ให้เลือก Sales (Conversion) จะแม่นยำกว่ามาก
ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย (Ad Set)
ลืมการใส่ Interest เยอะๆ แบบ “เสื้อผ้า + อาหาร + ท่องเที่ยว” ไปได้เลยครับ เทรนด์ปี 2025 คือ “Broad Targeting” หรือการเปิดกว้างให้ AI ช่วยหา
- Custom Audiences: กลุ่มคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเรา (เช่น เคยทักแชท, เคยเข้าเว็บ) -> กลุ่มนี้ปิดการขายง่ายที่สุด
- Lookalike Audiences: คนหน้าใหม่ที่มีพฤติกรรมคล้ายลูกค้าเก่าเรา -> เหมาะกับการหาลูกค้าใหม่
- Advantage+ Audience: ฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ AI เลือกกลุ่มเป้าหมายให้อัตโนมัติ (แนะนำให้ลอง!)
ขั้นตอนที่ 3: กำหนดงบประมาณ (Budget)
- Daily Budget (งบต่อวัน): เหมาะสำหรับแคมเปญระยะยาว ที่ต้องการเลี้ยงกระแสไปเรื่อยๆ
- Lifetime Budget (งบตลอดอายุ): เหมาะสำหรับโปรโมชันสั้นๆ (เช่น Flash Sale 3 วัน) เพราะระบบจะเร่งนำส่งให้ครบตามงบในเวลาที่กำหนด
ขั้นตอนที่ 4: เลือกตำแหน่งจัดวาง (Placement)
อย่าเลือกแค่ Facebook Feed! เพราะลูกค้าของคุณอาจจะสิงอยู่ใน Instagram Reels หรือ Stories
- Advantage+ Placements (แนะนำ): ให้ระบบ AI หาที่ลงให้เองว่าตรงไหนราคาถูกและคนคลิกเยอะที่สุด
- Manual Placements: เลือกเองเฉพาะจุด (เช่น ยิงแค่ IG Story) เหมาะกับตอนที่คุณทำคอนเทนต์แนวตั้งมาโดยเฉพาะ
ขั้นตอนที่ 5: สร้างสรรค์โฆษณา (Ad Creative)
นี่คือหัวใจสำคัญที่สุดในปี 2025 “รูปไม่สวย คลิปไม่โดน แอดก็ดับ”
- Video Short-form: วิดีโอสั้นแนวตั้ง (Reels) มาแรงมาก หยุดนิ้วคนได้ดีกว่ารูปภาพนิ่ง
- Carousel: ภาพสไลด์สินค้าหลายๆ ชิ้น เหมาะกับร้านที่มีสินค้าเยอะ
- Call to Action (CTA): ปุ่มกดต้องชัดเจน เช่น “ส่งข้อความ”, “สั่งซื้อเลย”
ขั้นตอนที่ 6: ติดตั้ง Meta Pixel (ห้ามพลาด!)
หากคุณมีเว็บไซต์ การไม่ติด Pixel ก็เหมือนยิงปืนในที่มืด Pixel จะช่วยเก็บข้อมูลคนที่เข้าเว็บและตามไปหลอกหลอน (Retargeting) พวกเขาให้กลับมาซื้อซ้ำ
3 เทคนิคลับ: ยิงแอดอย่างไรให้ค่าแอดถูกลง?
- ทำ A/B Testing เสมอ: อย่าเดาว่ารูปไหนสวย ให้ยิงทดสอบรูป A กับรูป B พร้อมกัน แล้วดูว่ารูปไหนคนคลิกเยอะกว่า ให้ปิดรูปที่แพงแล้วอัดงบไปที่รูปที่ถูก
- ใช้กฎ 20% Text Overlay: แม้ Facebook จะเลิกห้ามแล้ว แต่รูปที่มีข้อความน้อยๆ (เน้นภาพสินค้า) ยังคงนำส่งได้ดีกว่าและค่าแอดถูกกว่าเสมอ
- อย่ายิงกลุ่มเดิมซ้ำๆ (Ad Fatigue): ถ้ายิงไปนานๆ แล้วยอดตก ให้เปลี่ยนรูปใหม่ หรือเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายใหม่ คนเห็นภาพเดิมๆ บ่อยๆ จะเกิดอาการ “ชินชา” และไม่คลิก
4 ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักทำ (แล้วเสียเงินฟรี)
- กดปุ่ม Boost Post หน้าเพจ: (แบบไม่คิด) วิธีนี้ง่ายแต่ปรับแต่งได้น้อยมาก เหมือนขี่จักรยานเทียบกับขับเฟอร์รารี่ (Ads Manager)
- เปลี่ยนแอดบ่อยเกินไป: AI ต้องการเวลาเรียนรู้ (Learning Phase) ประมาณ 3-7 วัน อย่าเพิ่งใจร้อนไปปิดหรือแก้แอดในวันแรก
- ไม่ดู ROAS (Return on Ad Spend): ดูแต่ยอดไลก์ ยอดวิว แต่ไม่ดูว่าขายได้กี่บาท? การยิงแอดที่คุ้มค่าต้องวัดที่ “กำไร” ไม่ใช่ “หน้าตา”
สรุป: เริ่มต้นวันนี้ ดีกว่ารอวันหน้า
การเรียนรู้ วิธียิง ads facebook อาจดูซับซ้อนในช่วงแรก แต่เมื่อคุณเข้าใจหลักการแล้ว มันคือเครื่องมือทุ่นแรงที่ทรงพลังที่สุดในการหาลูกค้า หากคุณยังไม่มั่นใจ หรือลองทำแล้วยังไม่เห็นผล การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นทางลัดที่ช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาให้คุณได้
ต้องการทีมงานมืออาชีพช่วยดูแลแอดไหม? หากคุณไม่มีเวลามานั่งเฝ้าจอ หรือไม่อยากเสี่ยงลองผิดลองถูกเอง ให้ MSKMedia ช่วยดูแลแคมเปญโฆษณาของคุณ เราพร้อมใช้วิชาความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนงบโฆษณาของคุณให้เป็นยอดขายที่ยั่งยืน
ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรี:
- เว็บไซต์: https://www.mskads.com/
- Line/Tel: 090-021-1529
- Facebook: MSK MEDIA
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันละ 100 บาทครับ! แต่เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แนะนำให้เริ่มต้นที่ 300-500 บาทต่อวัน เพื่อให้ระบบ AI มีข้อมูลเพียงพอในการเรียนรู้หาลูกค้า
อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น รูปภาพไม่ดึงดูด, กลุ่มเป้าหมายผิด, หรือข้อเสนอ (Offer) ยังไม่เร้าใจพอ ลองกลับไปเช็กที่ “Ad Creative” เป็นอันดับแรกครับ
ดีคนละแบบครับ Facebook เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ปิดการขายได้หลากหลาย (แชท/เว็บ) ส่วน TikTok เหมาะกับสินค้ากระแส เน้นวิดีโอสั้น และกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น
ตั้งสติแล้วยื่นอุทธรณ์ (Request Review) ผ่านระบบ Account Quality ครับ อย่าเพิ่งรีบเปิดบัญชีใหม่ทันทีเพราะอาจโดนปิดซ้ำซ้อน ตรวจสอบว่าเราทำผิดนโยบายข้อไหนหรือไม่
ถ้ามีเวลาศึกษาและงบน้อย การทำเองคุ้มกว่าครับ แต่ถ้าธุรกิจเริ่มโต ไม่มีเวลาดูแอด หรือยิงเองแล้วตัน การจ้างเอเจนซี่จะคุ้มกว่าเพราะเขาจะช่วยอุดรอยรั่วและสเกลยอดขายได้เร็วกว่ามาก
References
- Meta Business Help Center: แหล่งข้อมูลทางการ วิธีใช้ และแก้ปัญหา https://www.facebook.com/business/help
- Buffer – Facebook Ads Guide: บทความสอนยิงแอดที่เข้าใจง่าย (ภาษาอังกฤษ) https://buffer.com/library/facebook-ads/
- Social Media Examiner: อัปเดตเทรนด์ Facebook Ads ใหม่ๆ https://www.socialmediaexaminer.com/