Skip to content
คุณเคยสร้าง Landing Page ที่ดูสวยงามและทันสมัย แต่กลับต้องผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ว่างเปล่าหรือไม่? นี่เป็นปัญหาคลาสสิกที่หลายธุรกิจต้องเจอ ความจริงก็คือ การออกแบบ Landing Page ที่มีประสิทธิภาพนั้นเป็นเรื่องของ “จิตวิทยาและการสื่อสาร” มากกว่าแค่ “ความสวยงาม”
การรู้วิธี how to design a landing page ที่ถูกต้อง คือการเรียนรู้วิธีนำทางผู้เข้าชม, ขจัดความลังเลใจ, และทำให้การกระทำขั้นต่อไป (การคลิกปุ่ม CTA) เป็นเรื่องที่ง่ายและน่าดึงดูดใจที่สุด บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะสอนคุณออกแบบ Landing Page ทีละขั้นตอน โดยเน้นที่หลักการที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้จริง
เราออกแบบเพื่อผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่ความสวยงาม
ที่ MSKMedia เราได้ออกแบบ, สร้าง, และทำ A/B Testing ให้กับ Landing Page มานับไม่ถ้วน เราได้เห็นแล้วว่าการเปลี่ยนสีปุ่มเพียงเล็กน้อย หรือการจัดลำดับเนื้อหาใหม่ สามารถเพิ่มจำนวน Lead ได้ถึง 20-30% เราไม่ได้ออกแบบตามความรู้สึก แต่เราออกแบบโดยใช้ข้อมูลและหลักการโน้มน้าวใจเป็นที่ตั้ง ประสบการณ์นี้ทำให้เราสามารถแบ่งปันขั้นตอนที่ได้ผลจริงให้กับคุณได้
9 ขั้นตอนการออกแบบ Landing Page ที่มี Conversion สูง
1. เริ่มต้นด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียว (Define One Goal)
ก่อนจะออกแบบอะไรก็ตาม ให้ตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อน: “คุณต้องการให้ผู้เข้าชมทำอะไรบนหน้านี้?” ไม่ว่าจะเป็นการกรอกฟอร์ม, ดาวน์โหลด E-book, หรือคลิกเพื่อซื้อสินค้า ทุกองค์ประกอบที่คุณจะออกแบบต่อไป ต้องสนับสนุนเป้าหมาย “เพียงหนึ่งเดียว” นี้เท่านั้น
2. ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย (Understand Your Audience)
คุณกำลังออกแบบเพื่อใคร? พวกเขามีปัญหาอะไร? อะไรคือสิ่งที่พวกเขากังวล? การออกแบบที่ดีต้องสื่อสารกับพวกเขาได้โดยตรง ใช้ภาษาและรูปภาพที่พวกเขาสามารถเชื่อมโยงได้
3. สร้างโครงสร้างด้วย Visual Hierarchy (Create a Visual Hierarchy)
Visual Hierarchy คือการจัดลำดับความสำคัญขององค์ประกอบต่างๆ ด้วยภาพ เพื่อนำทางสายตาของผู้ใช้ องค์ประกอบที่สำคัญที่สุด (เช่น พาดหัว, ปุ่ม CTA) ควรมีขนาดใหญ่ที่สุด, สีที่โดดเด่นที่สุด, หรืออยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่ายที่สุด
4. เขียน Copy ที่ทรงพลัง (Write Compelling Copy)
เริ่มต้นด้วยพาดหัวที่ดึงดูดและสื่อถึงประโยชน์หลัก ตามด้วยเนื้อหาที่เน้น “ประโยชน์” (Benefits) ที่ลูกค้าจะได้รับ ไม่ใช่แค่ “คุณสมบัติ” (Features) ของสินค้า ใช้ Bullet points เพื่อให้อ่านง่ายและเข้าใจเร็ว
5. ใช้รูปภาพและวิดีโออย่างมีกลยุทธ์ (Use Strategic Imagery)
รูปภาพหรือวิดีโอ (Hero Shot) ควรแสดงให้เห็นสินค้าของคุณกำลังถูกใช้งาน หรือแสดงผลลัพธ์ที่ลูกค้าจะได้รับ หลีกเลี่ยงการใช้ Stock Photo ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ หากเป็นไปได้ ให้ใช้รูปภาพจริงของสินค้าหรือลูกค้าของคุณ
6. ออกแบบฟอร์มที่กรอกง่าย (Design a Frictionless Form)
หากเป้าหมายของคุณคือการเก็บ Lead ฟอร์มของคุณต้องไม่สร้างความลำบากใจให้ผู้ใช้ ถามเฉพาะข้อมูลที่ “จำเป็นจริงๆ” เท่านั้น ทุกๆ ช่องที่เพิ่มเข้ามา จะลดโอกาสที่คนจะกรอกฟอร์มจนสำเร็จ
7. สร้างความน่าเชื่อถือด้วย Social Proof (Build Trust with Social Proof)
วางรีวิวจากลูกค้า (Testimonials), โลโก้ของบริษัทที่เคยใช้บริการ, หรือตัวเลขสถิติที่น่าสนใจ ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่าย เพื่อลดความลังเลและสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้าชม
8. ทำให้ CTA โดดเด่นที่สุด (Make Your CTA Pop)
ปุ่ม Call-to-Action (CTA) คือจุดหมายปลายทางของหน้านี้ มันต้องโดดเด่นและแตกต่างจากองค์ประกอบอื่นๆ ใช้สีที่ตัดกัน (Contrasting Color), ขนาดที่ใหญ่พอดี, และข้อความที่กระตุ้นการกระทำ (เช่น “รับสิทธิ์ทดลองใช้ฟรีทันที” แทนคำว่า “ส่ง”)
9. ออกแบบสำหรับมือถือก่อน (Design for Mobile-First)
ปัจจุบัน Traffic ส่วนใหญ่มาจากอุปกรณ์มือถือ ดังนั้นคุณต้องแน่ใจว่า Landing Page ของคุณแสดงผลได้อย่างสวยงามและใช้งานง่ายบนหน้าจอขนาดเล็ก ปุ่มต้องใหญ่พอให้กดได้สะดวก และฟอร์มต้องกรอกง่ายโดยไม่ต้องซูมเข้าซูมออก
จิตวิทยาการออกแบบ: โน้มน้าวใจผู้ใช้ด้วยภาพ
| องค์ประกอบดีไซน์ | หลักการทางจิตวิทยา | วิธีนำมาใช้บน Landing Page |
| ความต่างของสี (Color Contrast) | Von Restorff Effect: สิ่งที่แตกต่างจะถูกจดจำได้ง่ายกว่า | ทำให้ปุ่ม CTA ของคุณมีสีที่โดดเด่นและแตกต่างจากสีหลักของหน้าเว็บ |
| พื้นที่ว่าง (White Space) | Hick’s Law: ยิ่งมีตัวเลือกเยอะ ยิ่งใช้เวลาตัดสินใจนาน | ลดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออกไป ใช้พื้นที่ว่างรอบๆ ปุ่ม CTA เพื่อทำให้มันเด่นขึ้น |
| การชี้นำทางสายตา (Directional Cues) | Gaze Cueing: คนเรามักจะมองตามทิศทางที่คนในภาพมอง | ใช้รูปภาพของคนที่กำลังมองไปยังฟอร์มหรือปุ่ม CTA ของคุณ |
| ความขาดแคลน (Scarcity) | Fear of Missing Out (FOMO): คนเรากลัวที่จะพลาดโอกาสดีๆ | ใช้ข้อความเช่น “เหลือเวลาอีก 24 ชั่วโมงเท่านั้น” หรือ “สำหรับ 50 ท่านแรก” |
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
“Above the fold” คือส่วนของหน้าที่มองเห็นได้ทันทีโดยไม่ต้องเลื่อนลงมา มันยังคงสำคัญอย่างยิ่งในการ “ดึงดูดความสนใจ” คุณควรวางพาดหัวหลักและ CTA ที่สำคัญที่สุดไว้ในส่วนนี้ แต่ไม่ต้องกลัวที่จะใช้หน้าที่ยาวขึ้นเพื่อให้ข้อมูลที่จำเป็น
วิดีโอสามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้อย่างมหาศาลหากทำอย่างถูกต้อง วิดีโอสั้นๆ ที่อธิบายการทำงานของสินค้าหรือแสดงรีวิวจากลูกค้าสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและให้ข้อมูลได้เร็วกว่าการอ่าน
มีเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมมากมาย เช่น Unbounce, Instapage, Leadpages สำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องมือโดยเฉพาะ หรือใช้ Page Builder อย่าง Elementor บน WordPress ก็เป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นและทรงพลัง
คำตอบเดียวคือ “การทดสอบ” หรือ A/B Testing คุณควรสร้าง Landing Page สองเวอร์ชันที่แตกต่างกันเล็กน้อย (เช่น เปลี่ยนพาดหัว หรือเปลี่ยนสีปุ่ม CTA) แล้วดูว่าเวอร์ชันไหนให้ Conversion Rate ที่ดีกว่า
โดยทั่วไปแล้ว ไม่ควรมี เพราะเมนูนำทางคือ “ทางหนี” ที่จะดึงความสนใจของผู้ใช้ออกจากเป้าหมายหลักของคุณ การตัดเมนูออกไปจะช่วยให้ผู้ใช้โฟกัสกับข้อเสนอของคุณได้ดีขึ้น
References
เพื่อศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการออกแบบ Landing Page นี่คือแหล่งข้อมูลชั้นนำที่คุณสามารถอ่านต่อได้:
- Nielsen Norman Group – Landing Page UX: บทความและงานวิจัยเกี่ยวกับประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) บน Landing Page จากองค์กรชั้นนำด้าน Usability (ภาษาอังกฤษ) https://www.nngroup.com/articles/landing-page-ux/
- CXL – Landing Page Design: รวมบทความและเทคนิคขั้นสูงเกี่ยวกับการออกแบบ Landing Page เพื่อเพิ่ม Conversion Rate (ภาษาอังกฤษ) https://cxl.com/blog/landing-page-design/
- Smashing Magazine – Designing Effective Landing Pages: บทความที่เจาะลึกทั้งด้านดีไซน์, UX, และ Copywriting สำหรับ Landing Page (ภาษาอังกฤษ) https://www.smashingmagazine.com/2012/03/designing-effective-landing-pages/
