คำถามแรก (และคำถามที่น่ากลัวที่สุด) สำหรับมือใหม่ที่อยากยิงแอด Google ก็คือ “Google Ads คิดเงินยังไง?” “ต้องจ่ายเท่าไหร่?” “ถ้าคลิกเดียว 500 บาทล่ะ?” ความไม่เข้าใจในระบบคิดเงินนี้เองที่ทำให้เจ้าของธุรกิจจำนวนมากไม่กล้าลงทุนในเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลังที่สุดในโลกชิ้นนี้
ข่าวดีคือ Google Ads ไม่ใช่หลุมดำที่ดูดเงินของคุณไปเรื่อยๆ แต่เป็นระบบ “การประมูล” ที่โปร่งใส และที่สำคัญที่สุดคือ คุณคือผู้ควบคุมงบประมาณทั้งหมด 100% บทความนี้จะไขข้อสงสัยทั้งหมด อธิบายให้คุณเข้าใจว่าเงินทุกบาทของคุณถูกคิดอย่างไร และคุณจะทำอย่างไรให้ “จ่ายน้อยแต่ได้มาก”
ประสบการณ์จริง: เราไม่ได้แค่ “จ่ายเงิน” แต่เรา “ประหยัดเงิน”
ที่ MSKMedia เราบริหารแคมเปญ Google Ads ให้ลูกค้าทุกวัน เราไม่ได้แค่ “ยิงแอด” แต่เรา “บริหารงบประมาณ” เราได้เห็นมาแล้วว่าบัญชีที่ตั้งค่าไม่ถูกต้อง เผางบประมาณไปวันละหลายพันบาทโดยไม่ได้ Conversion เลย ในขณะที่บัญชีที่บริหารโดยมืออาชีพ สามารถ “ลดค่าคลิก (CPC)” ลงได้ถึง 50% แต่ได้อันดับโฆษณาที่ดีกว่า บทความนี้กลั่นกรองจากประสบการณ์ตรงของเราในการทำให้งบประมาณของลูกค้าคุ้มค่าที่สุด
ความเข้าใจผิดอันดับหนึ่ง: Google Ads ไม่ได้มี “ราคาป้าย”
คุณไม่สามารถถามได้ว่า “โฆษณาคำว่า ‘รองเท้าวิ่ง’ ราคาเท่าไหร่?” เพราะ Google Ads ทำงานในรูปแบบของ “การประมูลโฆษณา” (Ad Auction) ซึ่งหมายความว่า “ราคา” ของโฆษณา (หรือค่าคลิก) จะผันผวนตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการแข่งขัน ณ วินาทีนั้นๆ
หัวใจหลัก: ระบบ Pay-Per-Click (PPC) ที่คุณต้องรู้จัก
สำหรับโฆษณาบนหน้าค้นหา (Search Ads) ซึ่งเป็นที่นิยมที่สุด Google ใช้โมเดลการคิดเงินที่เรียกว่า Pay-Per-Click (PPC) หรือ จ่ายเมื่อคลิก
“คลิก” เท่านั้นที่คุณเสียเงิน
นี่คือความยุติธรรมที่สุดของระบบนี้ หากโฆษณาของคุณแสดงผล (Impression) 1,000 ครั้ง แต่ไม่มีใครสนใจคลิกเลย คุณจะไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว คุณจะจ่ายก็ต่อเมื่อมีคนที่ “สนใจ” มากพอที่จะคลิกโฆษณาของคุณเพื่อเข้ามาที่เว็บไซต์
แล้ว CPM (Cost Per 1,000 Impressions) ล่ะ?
โมเดลนี้ก็มีอยู่จริง แต่ส่วนใหญ่จะใช้กับแคมเปญที่เน้นการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Awareness) เช่น โฆษณาแบนเนอร์ (GDN) หรือโฆษณาวิดีโอบางประเภทบน YouTube แต่สำหรับโฆษณาค้นหาที่เน้นยอดขาย PPC คือมาตรฐานหลัก
ไม้เด็ดที่ทำให้จ่ายถูกกว่าคู่แข่ง: “คะแนนคุณภาพ” (Quality Score)
นี่คือสิ่งที่มือใหม่ส่วนใหญ่ “ไม่รู้” และเป็นสิ่งที่ทำให้คน “เผางบ” ทิ้ง! หลายคนคิดว่าใครประมูลราคาสูงสุด (Max Bid) คนนั้นชนะ… ซึ่งผิดครับ!
Google ต้องการให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด พวกเขาจึงให้รางวัลกับ “โฆษณาคุณภาพดี” โดยการให้ คะแนนคุณภาพ (Quality Score) (เต็ม 10 คะแนน)
Quality Score ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
- อัตราการคลิกที่คาดหวัง (Expected CTR): โฆษณาของคุณน่าดึงดูดและน่าคลิกแค่ไหน
- ความเกี่ยวข้องของโฆษณา (Ad Relevance): ข้อความโฆษณาของคุณ ตรงกับ “คีย์เวิร์ด” ที่คนค้นหาหรือไม่
- ประสบการณ์หน้า Landing Page (Landing Page Experience): หน้าเว็บไซต์ปลายทางของคุณมีเนื้อหาที่ตรงกับโฆษณาหรือไม่? โหลดเร็วไหม? ใช้งานง่ายหรือเปล่า?
ทำไม Quality Score สูง ถึงจ่ายค่าคลิกถูกลง?
เพราะ Google ใช้สูตรนี้ในการจัดอันดับโฆษณาของคุณ (Ad Rank):
Ad Rank=ราคาที่คุณประมูล(Max Bid)×คะแนนคุณภาพ(Quality Score)
และสูตรในการคิด “ราคาที่คุณจ่ายจริง” (Actual CPC) นั้นซับซ้อนกว่านั้น แต่พูดให้ง่ายที่สุดคือ:
ราคาที่คุณจ่ายจริง = (Ad Rank ของคู่แข่งที่อยู่ต่ำกว่าคุณ / Quality Score ของคุณ) + 0.01 บาท
นี่หมายความว่า ถ้า Quality Score (ตัวหาร) ของคุณสูง คุณจะจ่ายค่าคลิกถูกลง! คุณอาจจะอยู่อันดับ 1 แต่จ่ายค่าคลิกถูกกว่าคู่แข่งที่อยู่อันดับ 2 ก็เป็นได้! นี่คือเหตุผลที่การจ้างมืออาชีพที่รู้วิธี Optimize Quality Score จึงสำคัญมาก
แล้วคุณ “ควบคุม” ค่าใช้จ่ายได้อย่างไร?
คุณคือคนคุมเกมทั้งหมด 100% ผ่าน 3 เครื่องมือนี้:
1. งบประมาณสูงสุดต่อวัน (Daily Budget)
คุณสามารถตั้งค่าได้เลยว่า “ใน 1 วัน ฉันยินดีจ่ายไม่เกิน 300 บาท” (หรือเท่าไหร่ก็ได้) ระบบจะไม่เรียกเก็บเงินเกินกว่าที่คุณตั้งไว้ (โดยเฉลี่ยต่อเดือน)
2. ราคาประมูลสูงสุด (Max CPC Bid)
คุณสามารถกำหนดเพดานได้ว่า “ต่อให้การแข่งขันสูงแค่ไหน ฉันก็ไม่ยอมจ่ายเกิน 20 บาทต่อ 1 คลิก” (สำหรับการตั้งค่าแบบ Manual)
3. กลยุทธ์การเสนอราคา (Bidding Strategy)
คุณสามารถเลือกให้ AI ของ Google ช่วยบริหารงบได้ เช่น “Maximize Clicks” (หาจำนวนคลิกให้ได้เยอะที่สุดในงบที่กำหนด) หรือ “Maximize Conversions” (หา Conversion ให้ได้มากที่สุด)
ตาราง: ปัจจัยที่ทำให้ค่าคลิกของคุณ “ถูก” หรือ “แพง”
| ปัจจัย (Factor) | ทำให้ “ค่าคลิกถูกลง” (Cheaper CPC) | ทำให้ “ค่าคลิกแพงขึ้น” (More Expensive CPC) |
| คะแนนคุณภาพ (Quality Score) | สูง (8-10/10) (โฆษณาเกี่ยวข้อง, Landing Page ดี) | ต่ำ (1-5/10) (โฆษณาไม่ตรง, เว็บโหลดช้า) |
| การแข่งขันของคีย์เวิร์ด | คีย์เวิร์ดเฉพาะเจาะจง (Long-tail), การแข่งขันต่ำ | คีย์เวิร์ดกว้างๆ, มีการแข่งขันสูง (เช่น “ประกันภัย”, “อสังหาฯ”) |
| การตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย | เจาะจงพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน | ตั้งค่ากว้างเกินไป (เช่น “ทั่วประเทศไทย”) |
| อันดับโฆษณา (Ad Rank) | พอใจกับการอยู่อันดับ 2-3 ซึ่งอาจคุ้มค่ากว่า | พยายามประมูลเพื่อให้อยู่อันดับ 1 ตลอดเวลา |
| ช่วงเวลา (Seasonality) | ช่วงนอกฤดูกาล (Low Season) | ช่วงที่มีการแข่งขันสูง (เช่น 11.11, 12.12, ช่วงวันหยุด) |
เริ่มต้นยิง Google Ads ต้องใช้งบเท่าไหร่?
สำหรับธุรกิจ SME ในไทยที่เพิ่งเริ่มต้น เราแนะนำให้ตั้งงบประมาณที่ วันละ 300 – 500 บาท ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ให้มองว่านี่คือการ “ลงทุนซื้อข้อมูล” ไม่ใช่การทำกำไร คุณต้องใช้เวลานี้เพื่อดูว่าคีย์เวิร์ดไหนเวิร์ค, โฆษณาตัวไหนคนคลิกเยอะ, และที่สำคัญคือ คีย์เวิร์ดไหนที่สร้าง Conversion แล้วจึงค่อยๆ “ปิด” ตัวที่ไม่ทำเงิน และ “เพิ่มงบ” ให้ตัวที่ทำเงิน
บริการจาก MSKMedia: เราช่วย “คุมงบ” ให้คุ้มค่าได้อย่างไร
การทำความเข้าใจทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาและประสบการณ์ หากคุณไม่มีเวลา หรือลองทำเองแล้วรู้สึกเหมือน “เผางบ” ทิ้ง ให้เราช่วย
ที่ MSKMedia เราเชี่ยวชาญในการ “เพิ่มประสิทธิภาพคะแนนคุณภาพ” (Quality Score Optimization) และ “การติดตั้งระบบวัดผล Conversion Tracking” ที่แม่นยำ เราช่วยคุณกำจัด Traffic ขยะ (Negative Keywords) และทำให้แน่ใจว่าเงินทุกบาทของคุณถูกใช้ไปกับ “คลิกที่มีคุณภาพ” ที่พร้อมจะเป็นลูกค้าของคุณจริงๆ
ติดต่อ MSKMedia เพื่อรับคำปรึกษาเรื่องงบประมาณ Google Ads
| ช่องทางการติดต่อ | ข้อมูล |
| ชื่อบริษัท | บริษัท เอ็ม เอส เค มีเดีย จำกัด |
| เว็บไซต์ | https://www.mskads.com/ |
| เบอร์โทรศัพท์ | 090-021-1529 |
| MSK MEDIA | |
| @mskmediaofficial | |
| ที่อยู่ | 159 หมู่ที่ 15 ตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย จ.มหาสารคาม 44150 |
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
ไม่จำเป็นครับ Google จะพยายามใช้งบของคุณให้คุ้มที่สุด บางวันที่การแข่งขันน้อยอาจใช้แค่ 200 บาท บางวันที่การแข่งขันสูงอาจใช้ 400 บาท แต่โดยเฉลี่ยต่อเดือน ค่าใช้จ่ายจะไม่เกิน (300 บาท x 30.4 วัน)
ได้ครับ คุณสามารถกด “Pause” (หยุดชั่วคราว) แคมเปญของคุณได้ทุกเมื่อ และจะไม่ถูกคิดเงินในช่วงที่คุณหยุด
คุณสามารถเลือกได้ทั้งสองแบบครับ ทั้ง “การชำระเงินอัตโนมัติ” (ผูกบัตรเครดิต/เดบิต จ่ายทีหลังเมื่อถึงกำหนด) หรือ “การชำระเงินด้วยตนเอง” (เติมเงินเข้าไปในระบบก่อน)
อาจเป็นไปได้ว่าเขามี Quality Score สูงกว่าคุณมาก (อาจเพราะ Landing Page ดีกว่า) หรือเขากำลังใช้งบประมาณมหาศาลในการประมูลราคาสูงกว่าคุณมากๆ
ไม่ใช่ครับ “งบโฆษณา” (Ad Spend) คือเงินที่คุณจ่ายตรงให้ Google สำหรับค่าคลิก ส่วน “ค่าบริการเอเจนซี่” (Management Fee) คือค่าจ้างที่คุณจ่ายให้ผู้เชี่ยวชาญ (เช่น MSKMedia) เพื่อดูแลและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญให้คุณ
References
เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบการคิดเงินของ Google Ads นี่คือแหล่งข้อมูลชั้นนำที่คุณสามารถอ่านต่อได้:
- Google Ads Help (TH) – งบประมาณและการชำระเงิน: https://support.google.com/google-ads/topic/3119143?hl=en (คำอธิบายอย่างเป็นทางการจาก Google)
- WordStream – How Does Google Ads Work? (Auction & Bidding): https://www.wordstream.com/google-ads (บทความอธิบายระบบประมูลและ Quality Score ที่ดีที่สุด (ภาษาอังกฤษ))
- Search Engine Journal – How Does Google Ads Bidding Work? https://www.searchenginejournal.com/google-ads-bidding/443606/ (บทวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์การประมูลราคา (ภาษาอังกฤษ))