ทำไมยิงแอด Traffic ถึงได้คลิกเยอะ แต่ไม่มียอดขาย?

สารบัญ

ยิงแอดแบบ Traffic คืออะไร? สำหรับนักการตลาดมือใหม่ หรือคนที่เพิ่งเริ่มยิงโฆษณาออนไลน์ คำว่า “Traffic” อาจฟังดูน่าสนใจ เพราะมันคือเป้าหมายของแคมเปญที่ดูเรียบง่าย:
แค่ต้องการให้ “คนเข้าเว็บไซต์” เยอะ ๆ ก็พอ

โดยระบบโฆษณาจะไปเลือก “กลุ่มเป้าหมาย” ที่มีแนวโน้มว่าจะ คลิกลิงก์ แล้วเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ

ซึ่งในมุมของผู้เริ่มต้น มันก็ดูสมเหตุสมผล:
“ยิ่งคนคลิกเยอะเท่าไหร่ โอกาสขายของก็ต้องมากขึ้นสิ”

แต่ในความเป็นจริง กลับไม่ใช่แบบนั้น…

คลิกเยอะ ไม่เท่ากับ ยอดขายเยอะ

หลายคนที่ยิงแอดแบบ Traffic จะเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน:

  • ได้ยอดคลิกเป็นร้อย เป็นพันในแต่ละวัน
  • ราคาต่อคลิก (CPC) ก็ถูกแสนถูก
  • ตัวเลขดูดี แต่… ไม่เคยมียอดขายเข้ามาเลย

ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากงบไม่พอ ไม่ได้เกิดจากคอนเทนต์แย่
แต่มาจากจุดที่คนส่วนใหญ่มองข้ามไป:
ระบบเลือกคนผิดกลุ่มมาตั้งแต่แรก

ทำไมยิงแบบ Traffic ถึงขายของไม่ค่อยได้?

1. Algorithm จะเลือกคนที่ “คลิกเก่ง” ไม่ใช่ “ซื้อเก่ง”

ระบบโฆษณาอย่าง Facebook Ads หรือ Google Ads ใช้ Machine Learning ในการหาคนให้เรา
ถ้าเราเลือกแคมเปญแบบ Traffic ระบบจะพยายามหาคนที่มีพฤติกรรม:

  • ชอบกดลิงก์
  • คลิกโฆษณาบ่อย ๆ
  • ไม่จำเป็นต้องสนใจสินค้าหรือมีเจตนาซื้อ

พูดง่าย ๆ คือ… ระบบไม่ได้เข้าใจว่าเราจะขายของ
มันเข้าใจแค่ว่าเราต้องการ “คลิก” และมันก็หาคนที่คลิกเก่งมาให้จริง ๆ

2. ไม่มี Conversion Tracking ยิงแอดแบบมืดบอด

อีกหนึ่งความผิดพลาดของมือใหม่คือ ไม่ได้ติดตั้ง Conversion Tracking
เมื่อไม่มีข้อมูลบอกระบบว่า “ใครคือคนที่ซื้อของหรือกรอกฟอร์ม” ระบบจะไม่มีทางรู้ว่า:

  • โฆษณาชิ้นไหนทำให้ขายได้
  • กลุ่มเป้าหมายกลุ่มไหนคือ “ว่าที่ลูกค้า”
  • และควร “หาคนแบบไหนเพิ่ม”

ลองนึกภาพคุณปิดไฟแล้วยิงธนูในความมืด — คุณอาจยิงโดนเป้าบ้าง… แต่คุณจะไม่มีทางรู้ว่ามันเกิดจากอะไร และทำยังไงให้เกิดอีก

หากคุณยังไม่มี Tracking

ดูวิธีติดตั้ง Conversion Tracking ด้วย Google Tag Manager

แล้วควรยิงแอดแบบไหนดี ถ้าอยากได้ยอดขาย?

ใช้ “Conversion Objective” แทน Traffic

เมื่อคุณเปลี่ยนมาใช้แคมเปญแบบ Conversion
ระบบจะเข้าใจเป้าหมายใหม่ของคุณทันที:
คุณต้องการ “ลูกค้า” ไม่ใช่แค่ “คลิก”

และนี่คือสิ่งที่ระบบจะเริ่มทำให้คุณ:

  • วิเคราะห์พฤติกรรมของคนที่เคยซื้อของ
  • หาคนที่ “คล้ายกัน” มาเห็นโฆษณาคุณมากขึ้น
  • ปรับอัตโนมัติให้ได้ Conversion มากขึ้นในงบเดิม (เมื่อมีข้อมูลเพียงพอ)

สิ่งที่คุณต้องมี ถ้าจะยิง Conversion Ads ให้ได้ผล

  1. ติดตั้ง Conversion Tracking อย่างถูกต้อง
  2. ตั้งค่า Event เช่น Purchase / Lead / Add to Cart ไว้อย่างชัดเจน
  3. เข้าใจว่า Conversion Ads อาจแพงกว่า Traffic
    • แต่ Return on Investment (ROI) ดีกว่าในระยะยาว
    • คลิกอาจน้อยลง แต่แต่ละคลิกคือ “ว่าที่ลูกค้า”

สรุป: เข้าใจเป้าหมาย แล้วเลือกให้ถูก

มือใหม่หลายคนเริ่มยิงแอดโดยหวังว่าคลิกเยอะจะขายได้
แต่ความจริงคือ ถ้าคุณบอกระบบผิด ระบบก็หาคนผิดให้

Traffic Ads เหมาะกับ:

  • แคมเปญสร้าง Awareness
  • บทความใหม่ ๆ ที่อยากให้คนเข้าไปอ่าน
  • ไม่ใช่สำหรับขายของหรือเก็บ Lead เน้น ยอดขาย

หากคุณต้องการยอดขายหรืออยากทำแคมเปญ Lead Generation
Conversion Ads + ติด Tracking ให้ครบ คือทางเลือกที่ แม่นกว่า คุ้มกว่า และได้ผลกว่า

ถ้าแค่ได้คลิกแต่ไม่ได้ลูกค้า อาจถึงเวลาที่คุณต้องกลับมาดูว่า คุณสั่งให้ระบบ “ทำอะไร” กันแน่

คำถามที่พบบ่อย

Conversion Ads ต้องใช้เงินมากกว่าจริงไหม?

โดยทั่วไป Conversion Ads จะมี ราคาต่อคลิกสูงกว่า
เพราะระบบต้องใช้สัญญาณพฤติกรรมที่ลึกกว่า (อย่างการซื้อหรือกรอกฟอร์ม)
แต่ในมุมของธุรกิจ การจ่ายแพงขึ้นแต่ได้ “ลูกค้าที่ซื้อจริง”
กลับมาถือว่าคุ้มกว่าเสียเงินกับคลิกที่ไม่มีคุณภาพ

ถ้าแค่อยากให้คนเห็นสินค้า หรือรู้จักแบรนด์ ยิงแอดแบบไหนดี?

สามารถยิงแบบ Traffic หรือ Engagement ได้เลยครับ
แคมเปญพวกนี้ช่วยให้คนเห็นโพสต์เยอะขึ้น กดไลก์ แชร์ หรือคลิกเข้าไปดูรายละเอียด
ยังไม่ต้องเน้นขายของก็ได้ เหมาะสำหรับการเริ่มสร้างการรับรู้แบรนด์

ยิงแอดแล้วมีคนเข้ามาเยอะ แต่ไม่มีคนซื้อ เกิดจากอะไร?

อาจเพราะ เลือกแคมเปญไม่ตรงกับเป้าหมาย
ถ้าอยากขายของ ควรใช้แบบที่ชื่อว่า Conversion
เพราะระบบจะช่วยหาคนที่ “น่าจะซื้อ” มากกว่าแค่ “กดดูเฉย ๆ”

บทความที่น่าสนใจ