ในโลกของการทำโฆษณาบน Google Search นั้น การที่โฆษณาจะปรากฏในตำแหน่งบนสุดหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใคร “จ่ายแพงกว่า” เสมอไป แต่อยู่ที่สิ่งที่เรียกว่า Ad Rank หรือ คะแนนการจัดอันดับโฆษณา ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการแสดงผลโฆษณาบนหน้าแรกของ Google
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจว่า Ad Rank คืออะไร? คำนวณจากอะไร? และที่สำคัญ ทำอย่างไรให้โฆษณาอยู่อันดับที่สูงขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มงบโฆษณา
Ad Rank คืออะไร?
จากแหล่งข้อมูลทางการของ Google Ads Help ได้อธิบายไว้ว่า Ad Rank คือค่าที่ Google ใช้ในการตัดสินใจว่า โฆษณาใดควรแสดง และควรอยู่ในตำแหน่งไหนบนหน้าผลการค้นหา โดย Google จะประมูลทุกครั้งที่มีคนค้นหา และใช้ Ad Rank เป็นตัวจัดอันดับตำแหน่งโฆษณา
กล่าวง่าย ๆ คือ ต่อให้คุณจ่ายแพง แต่ถ้า “คะแนน” ต่ำ โฆษณาของคุณอาจไม่แสดงเลยด้วยซ้ำ
ปัจจัยที่ Google ใช้ในการคำนวณ Ad Rank มีอะไรบ้าง?
Google ไม่ได้ใช้แค่ราคาที่คุณ Bid (เสนอราคา) อย่างเดียว แต่ยังพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่:
1. Bid (ราคาประมูล)
คือราคาสูงสุดที่คุณยินดีจ่ายต่อ 1 คลิก แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องจ่ายเต็มจำนวนเสมอไป
2. Quality Score (คะแนนคุณภาพ)
Google ประเมินจาก 3 องค์ประกอบหลัก:
- CTR (Click-through Rate) คาดการณ์
- ความเกี่ยวข้องของโฆษณา (Ad Relevance)
- ประสบการณ์บนหน้า Landing Page
📌 อ่านเพิ่มเติม: Quality Score คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับค่าโฆษณา
3. Format Impact (ผลที่จากการใช้ Ad Extension)
Format Impact คือ ผลกระทบจากการใช้ส่วนเสริมโฆษณา (Ad Extensions) และ รูปแบบโฆษณาต่าง ๆ ที่คุณเพิ่มเข้าไปในโฆษณา Google Ads ของคุณ
Google จะให้คะแนนเพิ่ม ถ้าโฆษณาของคุณมีการใช้ฟีเจอร์เสริมที่ทำให้คนดูโฆษณาแล้วใช้งานง่ายขึ้นหรือเข้าใจข้อมูลได้มากขึ้น
ตัวอย่างของ Ad Extensions ที่ช่วยเพิ่ม Format Impact:
- ใส่เบอร์โทรศัพท์: ลูกค้าเห็นแล้วกดโทรได้เลย
- ใส่ลิงก์เสริม (Sitelink): พาคนคลิกไปยังหน้าสำคัญในเว็บไซต์ เช่น หน้าโปรโมชั่น, หน้ารีวิว
- Callout: ใส่ข้อความสั้น ๆ เช่น “ส่งฟรีทั่วไทย” “ไม่มีขั้นต่ำ” เพื่อดึงดูดความสนใจ
- Promotion Extension: บอกโปรโมชั่น เช่น “ลด 20% ถึง 31 มี.ค.”
- Location Extension: โชว์ตำแหน่งร้านค้า ถ้าเป็นธุรกิจในพื้นที่
ทำไม Ad Rank ถึงสำคัญต่อการทำ Google Ads
การที่โฆษณาของคุณปรากฏในตำแหน่งบนสุด มีโอกาสถูกคลิกมากกว่าโฆษณาที่อยู่ด้านล่างอย่างมีนัยสำคัญ และหากคุณสามารถรักษา “คะแนน” ให้อยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถ:
จ่ายน้อยกว่าคู่แข่ง แต่ได้ตำแหน่งที่ดีกว่า เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ดูตารางนี้:

Chloe ใช้เงินเพียง 3.50 บาท แต่ได้อันดับ 1 เพราะมีทั้ง Quality Score และ Format Impact ที่สูง ทำให้ Ad Rank รวมสูงถึง 30 — สูงที่สุดในตาราง
Ben ประมูลที่ 4.00 บาท ได้อันดับ 2 เพราะแม้จะมี Quality Score ที่ดี แต่ Format Impact ยังอยู่แค่ระดับปานกลาง
David ใช้เงินเพียง 2.00 บาท แต่ยังได้อันดับ 3 เพราะรักษาคุณภาพทั้ง Quality Score และ Format Impact ให้อยู่ในระดับปานกลางได้
Anna เสนอราคาสูงสุดถึง 5.00 บาท แต่โฆษณาไม่แสดงเลย เนื่องจากมี Quality Score และ Format Impact ต่ำ ทำให้ Ad Rank เพียง 6 ซึ่งไม่พอจะติดอันดับการแสดงผล
แม้การประมูลจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบ แต่โฆษณาที่ได้อันดับสูง ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงที่สุดเสมอไป ถ้าคุณสามารถทำให้โฆษณามีคุณภาพดี Google ก็พร้อมให้โฆษณาของคุณแสดงในตำแหน่งที่ดีที่สุด โดยที่คุณจ่ายน้อยกว่าคู่แข่ง
วิธีเพิ่ม Ad Rank ให้กับโฆษณาบน Google

1. ปรับปรุง Quality Score
นี่คือจุดที่คุณควบคุมได้มากที่สุด และส่งผลต่อ Ad Rank โดยตรง ควรเน้นการปรับปรุงทั้ง CTR (อัตราการคลิก), ข้อความโฆษณา (Ad Copy) และหน้า Landing Page ให้ตอบโจทย์สิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการอย่างแท้จริง
2. วางโครงสร้างแคมเปญให้สอดคล้องกัน
ควรแยก Ad Group ให้เจาะจงกับ Keyword แต่ละชุด เขียนข้อความโฆษณาให้ตรงกับคำค้นหา และที่สำคัญ — ต้องพา คนที่ค้นหา ไปยังหน้า Landing Page ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการยิงแอด ไม่ใช่ใช้หน้าเว็บทั่วไป
3. ใช้ Ad Extensions ให้เหมาะสม
เพิ่ม Callout, Sitelink หรือ Structured Snippet เพื่อขยายพื้นที่โฆษณา และช่วยให้ Google มองว่าโฆษณาคุณมีคุณค่ามากขึ้น ซึ่งส่งผลต่ออันดับโดยตรง
4. ทดสอบและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ
ทำ A/B Testing ทั้งในส่วนของข้อความโฆษณาและหน้า Landing Page ทดลองหลายรูปแบบเพื่อดูว่าเวอร์ชันไหนให้ผลลัพธ์ดีที่สุด แล้วนำไปปรับใช้กับแคมเปญหลัก
Ad Rank คือหัวใจของการทำโฆษณาให้ชนะบน Google
Ad Rank ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นกลไกที่กำหนดว่า ใครจะได้อยู่บนสุด ใครจะจ่ายถูกกว่า และใครจะได้ลูกค้าก่อน
หากคุณต้องการยิงโฆษณาบน Google ให้คุ้มค่าทุกบาทที่จ่าย อย่ามองแค่ราคาประมูล ให้ใส่ใจ Ad Rank และปรับปรุง Quality Score ควบคู่กันเสมอ
หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาที่เข้าใจการทำ Google Ads อย่างแท้จริง และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่ยอดคลิกที่เพิ่ม แต่ไม่มีลูกค้า
ที่ MSK Media พร้อมจะให้คำปรึกษาคุณทุกเรื่องเกี่ยวกับการทำ Google Ads แบบเน้นผลลัพธ์
คำถามที่พบบ่อย
เพราะหลายคนยังเข้าใจผิดว่าแค่ “ยิ่งจ่ายแพง ยิ่งได้ที่ดี” ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่เสมอไป
Ad Rank เป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจ “ระบบคิดของ Google” และต้องใช้เวลาในการปรับคุณภาพโฆษณาทั้งหมด ไม่ใช่แค่กดเพิ่มงบ
คนที่เน้นแค่ Bid โดยไม่สนใจคุณภาพ จึงมักเสียเงินเยอะ แต่ผลลัพธ์ไม่คุ้ม
ไม่ใช่ครับ แต่อยู่ในความสัมพันธ์กัน
Quality Score เป็นแค่หนึ่งในปัจจัยที่ Google ใช้ในการคำนวณ Ad Rank
พูดง่าย ๆ คือ Quality Score คือ “คะแนนคุณภาพ” ที่ Googleใช้ดูว่าโฆษณาของคุณดีแค่ไหน ส่วน Ad Rank คือคะแนนสุดท้ายที่ใช้จัดอันดับการแสดงผล
ดังนั้น การมี Quality Score ที่ดี จะช่วยผลักดันให้ Ad Rank สูงขึ้น แต่ไม่ได้การันตีอันดับถ้าปัจจัยอื่นอย่าง Bid หรือ Format Impact ยังต่ำ
ควรเริ่มจาก ปรับ Quality Score เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ต้องใช้งบเพิ่มก็ทำให้ดีขึ้นได้
เช่น:
เขียน Headline และ Description ให้ดี ได้ CTR สูงๆ และต้องมี “keyword” ที่เราซื้ออยู่ในนั้นด้วย
แก้หน้า Landing Page ใช้โหลดไว ใช้งานง่าย และมีข้อมูลครบ
เมื่อคุณทำให้โฆษณา “ตรงตามความต้องการ” ของผู้ค้นหา Google จะให้คะแนนสูงขึ้น และนั่นส่งผลให้ Ad Rank สูงขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่ม Bid
?
ไม่ทันทีครับ แต่ช่วยเพิ่ม “คะแนนในมุม Format Impact” ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแปรของ Ad Rank
การใช้ Ad Extensions เปรียบเหมือนการเพิ่มข้อมูลและฟีเจอร์เสริมให้โฆษณาดูน่าเชื่อถือขึ้น เช่น เบอร์โทร, ลิงก์เสริม หรือโปรโมชัน อย่างไรก็ตาม Ad Extensions เป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น
ต้องสนใจครับ เพราะ อันดับ 1 ไม่ได้แปลว่า “คุ้มค่า” ที่สุดเสมอไป
Ad Rank ที่ดีไม่เพียงแค่ทำให้โฆษณาอยู่บนสุด แต่ยังส่งผลต่อ “ราคาที่คุณต้องจ่ายต่อคลิก cpc” ด้วย
ถ้า Ad Rank ของคุณสูงขึ้น แม้อยู่ที่อันดับ 1 อยู่แล้ว คุณก็อาจ จ่ายต่อคลิกน้อยลงกว่าเดิม
เหมือนกรณีของ Chloe ที่ในบทความยกตัวอย่างไว้ — จ่ายน้อยกว่าคนอื่น แต่ได้อันดับสูงสุด เพราะมีทั้ง Quality Score และ Format Impact ที่ดี
ดังนั้น การรักษาและเพิ่ม Ad Rank อยู่เสมอ คือการทำให้โฆษณา “คุ้มที่สุดในระยะยาว” ไม่ใช่แค่ได้อันดับสูง